วันศุกร์

สังคหนัย

สังคหะ ตามบาลีไวยากรณ์เป็นนามกิริยา แปลว่า การสงเคราะห์หรือการรวบรวม ซึ่งโดยนัยนี้หมายความ แสดงการที่ จิต แต่ละดวงได้รวบรวมเจตสิกเข้ามาประกอบไว้ได้เท่าใด และได้แก่เจตสิกอะไรบ้าง หรือมีเจตสิกจำนวนเท่าใดอะไรบ้างที่นำมาสงเคราะห์ลงในจิตได้แต่ละดวง ยกจิตเป็นประธานสามารถประกอบกับเจตสิกได้จำนวนเท่าใด

คาถาสังคหะ
ฉตฺตีสานุตฺตเร ธมฺมา ปญฺจตฺตึส มหคฺคเต
อฏฺฐตฺตึสาปิ ลพฺภนฺติ  กามาวจรโสภเณ ฯ
สตฺตวีสตฺยปุญญมฺหิ  ทฺวาทสาเหตุเกติ จ
ยถาสมฺภวโยเคน  ปัญฺจธา ตตฺถ สงฺคโห ฯ

แปลความว่า
โลกุตรจิต มีเจตสิกประกอบได้ ๓๖ ดวง
มหัคคตจิต มีเจตสิกประกอบได้ ๓๕ ดวง
กามาวจรโสภณจิต มีเจตสิกประกอบได้ ๓๘ ดวง
อกุศลจิต มีเจตสิกประกอบได้ ๒๗ ดวง
อเหตุกจิต มีเจตสิกประกอบได้ ๑๒ ดวง

นี้คือการนับจำนวนเจตสิกที่สงเคราะห์ลงในจิตโดยสังคหะได้ ๕ นัยคือ

๑. อนุตตรสังคหนัย
อนุตตรสังคหนัย คือนัยที่แสดงการสงเคราะห์เจตสิกลงในโลกุตตรจิตหรือที่เรียกว่า สังคหนัยแห่งโลกุตตรจิต ๘ หรือ ๔๐

คาถาสังคหะ
ฉตฺตีส ปญฺจตึสาถ  จตุตตึส ยถากฺกมํ
เตตฺตึส ทฺวยมิจฺเจว๋  ปญฺจธานุตฺตเร ฐิตา ฯ

แปลความว่า
โลกุตตรจิต ๔๐ ดวงนั้น มีสังคหะ ๕ นัยคือ :-

นัยที่ ๑ เจตสิก ๓๖ ดวง ประกอบในโลกุตตร ปฐมฌานจิต ๘
นัยที่ ๒ เจตสิก ๓๕ ดวง ประกอบในโลกุตตร ทุติยฌานจิต ๘
นัยที่ ๓ เจตสิก ๓๔ ดวง ประกอบในโลกุตตร ตติยฌานจิต ๘
นัยที่ ๔ เจตสิก ๓๓ ดวง ประกอบในโลกุตตร จตุตถฌานจิต ๘
นัยที่ ๕ เจตสิก ๓๓ ดวง ประกอบในโลกุตตร ปัญจมฌานจิต ๘

อธิบาย โลกุตตรจิต เมื่อนับจำนวนโดยย่อแล้วได้ ๔ ดวง คือ มรรคจิต ๔ และผลจิต ๔ โลกุตตรจิตทั้ง ๘ ดวงนี้ เจตสิกประกอบเท่ากันหมดทุกดวง แต่เมื่อนับโลกุตตรจิตโดยพิสดาร ๔๐ ดวงแล้ว จึงมีสังคหะ ๕ นัยด้วยอำนาจแห่งองค์ฌานคือ :-

- นัยที่ ๑ ปฐมฌานมรรคจิต ๔ ผลจิต ๔ (โลกุตตรปฐมฌานจิต ๔) มีเจตสิกประกอบ ๓๖ ดวงได้แก่ อัญญสมานาเจตสิก ๑๓ โสภณเจตสิก ๒๓ (เว้นอัปปมัญญาเจตสิก ๒)

- นัยที่ ๒ ทุติยฌานมรรคจิต ๔ ผลจิต ๔ (โลกุตตรทุติยฌานจิต ๔) มีเจตสิกประกอบ ๓๕ ดวงได้แก่ อัญญสมานาเจตสิก ๑๒ (เว้นวิตกเจตสิก) โสภณเจตสิก ๒๓ (เว้นอัปปมัญญาเจตสิก ๒)

- นัยที่ ๓ ตติยฌานมรรคจิต ๔ ผลจิต ๔ (โลกุตตรตติยฌานจิต ๔) มีเจตสิกประกอบ ๓๔ ดวงได้แก่ อัญญสมานาเจตสิก ๑๑ (เว้นวิตก, วิจาร) โสภณเจตสิก ๒๓ (เว้นอัปปมัญญาเจตสิก ๒)

- นัยที่ ๔ จตุตถฌานมรรคจิต ๔ ผลจิต ๔ (โลกุตตรจตุตถฌานจิต ๔) มีเจตสิกประกอบ ๓๓ ดวงได้แก่ อัญญสมานาเจตสิก ๑๐ (เว้นวิตก, วิจาร, ปีติ) โสภณเจตสิก ๒๓ (เว้นอัปปมัญญาเจตสิก ๒)

- นัยที่ ๕ ปัญจมฌานมรรคจิต ๔ ผลจิต ๔ (โลกุตตรปัญจมฌานจิต ๔) มีเจตสิกประกอบ ๓๓ ดวงได้แก่ อัญญสมานาเจตสิก ๑๐ (เว้นวิตก, วิจาร, ปีติ) โสภณเจตสิก ๒๓ (เว้นอัปปมัญญาเจตสิก ๒)


๒. มหัคคตสังคหนัย

คาถาสังคหะ
ปญฺจตฺตึส จตุตฺตึส  เตตุตึสาถ ยถากฺกมํ
ทฺวตฺตึส เจว ตึสาติ  ปญฺจธาว มหคฺคเต ฯ

แปลความว่า
มหัคคตจิต ๒๗ ดวง มีสังคหะ ๕ นัยคือ :-

นัยที่ ๑ เจตสิก ๓๕ ดวง ประกอบในโลกีย ปฐมฌานจิต ๓
นัยที่ ๒ เจตสิก ๓๔ ดวง ประกอบในโลกีย ทุติยฌานจิต ๓
นัยที่ ๓ เจตสิก ๓๓ ดวง ประกอบในโลกีย ตติยฌานจิต ๓
นัยที่ ๔ เจตสิก ๓๒ ดวง ประกอบในโลกีย จตุตถฌานจิต ๓
นัยที่ ๕ เจตสิก ๓๐ ดวง ประกอบในโลกีย ปัญจมฌานจิต ๑๕

อธิบาย มหัคคตจิต ๒๗ ดวงคือ รูปาวจรจิต ๑๕ และอรูปาวจรจิต ๑๒ ด้วยอำนาจแห่งฌาน ทำให้เจตสิกที่เข้าประกอบไม่เท่ากัน จึงมีสังคหะ ๕ นัย คือ :-

- นัยที่ ๑ รูปาวจรปฐมฌานจิต ๓ มีเจตสิกประกอบ ๓๕ ดวง ได้แก่อัญญสมานาเจตสิก ๑๓ โสภณเจตสิก ๒๒ (เว้นวิรตีเจตสิก ๓)

- นัยที่ ๒ รูปาวจรทุติยฌานจิต ๓ มีเจตสิกประกอบ ๓๔ ดวง ได้แก่อัญญสมานาเจตสิก ๑๒ (เว้นวิตก) โสภณเจตสิก ๒๒ (เว้นวิรตีเจตสิก ๓)

- นัยที่ ๓ รูปาวจรตติยฌานจิต ๓ มีเจตสิกประกอบ ๓๓ ดวง ได้แก่อัญญสมานาเจตสิก ๑๑ (เว้นวิตก วิจาร) โสภณเจตสิก ๒๒ (เว้นวิรตีเจตสิก ๓)

- นัยที่ ๔ รูปาวจรจตุตถฌานจิต ๓ มีเจตสิกประกอบ ๓๒ ดวงได้แก่อัญญสมานาเจตสิก ๑๐ (เว้นวิตก วิจาร, ปีติ) โสภณเจตสิก ๒๒ (เว้นวิรตีเจตสิก ๓)

- นัยที่ ๕ รูปาวจรปัญจมฌานจิต ๓, อรูปาวจรจิต ๑๒ มีเจตสิกประกอบ ๓๐ ดวง ได้แก่ อัญญสมานาเจตสิก ๑๐ (เว้นวิตก วิจาร, ปีติ) โสภณเจตสิก ๒๐ (เว้นวิรตีเจตสิก ๓, อัปปมัญญาเจตสิก ๒)


๓. กามาวจรโสภณสังคหนัย

คาถาสังคหะ
อฏฐตุตึส สตุตตฺตึส   ทฺวยํ ฉตฺตีสกํ สุเภ
ปญฺจตฺตึส จตุตตึส   ทฺวยํ เตตุสกํ กุริเย ฯ
เตตฺตึส ปาเก ทฺวตฺตึส   ทฺวเยกตฺตึสกํ ภเว
สเหตุกามาวจร   ปุญฺญปากกุริยามเน ฯ

แปลความว่า เจตสิกธรรม ๓๘-๓๗ (๓๗ สองครั้ง) และ ๓๖ ย่อมประกอบในสเหตุกกามาวจรกุศลจิต ๘ เจตสิกธรรม ๓๕-๓๔ (๓๔ สองครั้ง) และ ๓๓ ย่อมประกอบในสเหตุกกามาวจรกิริยาจิต ๘ เจตสิกธรรม ๓๓-๓๒ (๓๒ สองครั้ง) และ ๓๑ ย่อมประกอบในสเหตุกกามาวจรวิบากจิต ๘

อธิบาย ในบรรดาสเหตุกกามาวจรกุศล, กิริยา และวิบาก หรือกามาวจรโสภณจิต ๒๔ ดวงนั้น มีสังคหะ ๑๒ นัยดังนี้คือ :-

    ๑. สเหตุกกามาวจรกุศลจิต ๔ มีสังคหะ ๔ นัย มีเจตสิกประกอบ ๓๘, ๓๗, ๓๗ และ ๓๖ ดวง
    ๒. สเหตุกกามาวจรกิริยาจิต ๔ มีสังคหะ ๔ นัย มีเจตสิกประกอบ ๓๕, ๓๔, ๓๔ และ ๓๓ ดวง
    ๓. สเหตุกกามาวจรวิบากจิต ๔ มีสังคหะ ๔ นัย มีเจตสิกประกอบ ๓๓, ๓๒, ๓๒ และ ๓๑ ดวง

๑. สเหตุกกามาวจรกุสลจิต ๔ มีสังคหะ ๔ นัยคือ :-

- นัยที่ ๑ เจตสิก ๓๔ ดวงคือ อัญญสมานาเจตสิก ๑๓, โสภณเจตสิก ๒๕ ที่ประกอบในมหากุศลจิตดวงที่ ๑ กับดวงที่ ๒
- นัยที่ ๒ เจตสิก ๓๗ ดวงคือ อัญญสมานาเจตสิก ๑๓, โสภณเจตสิก ๒๔ (เว้นปัญญาเจตสิก) ที่ประกอบในมหากุศลจิตดวงที่ ๓ กับดวงที่ ๔
- นัยที่ ๓ เจตสิก ๓๗ ดวงคือ อัญญสมานาเจตสิก ๑๒, (เว้นปีติเจตสิก) โสภณเจตสิก ๒๕ ที่ประกอบในมหากุศลจิตดวงที่ ๕ กับดวงที่ 5
- นัยที่ ๔ เจตสิก ๓๖ ดวงคือ อัญญสมานาเจตสิก ๑๒ (เว้นปีติเจตสิก)โสภณเจตสิก ๒๔ (เว้นปัญญาเจตสิก) ที่ประกอบในมหากุศลจิตดวงที่ ๗ กับดวงที่ ๘

๒. สเหตุกกามาวจรกิริยาจิต ๔ มีสังคหะ ๔ นัยคือ :-

- นัยที่ ๑ เจตสิก ๓๕ ดวง คือ อัญญสมานาเจตสิก ๑๓, โสภณเจตสิก ๒๒ (เว้นวิรตีเจตสิก ๓) ที่ประกอบในมหากิริยาจิตดวงที่ ๑ กับดวงที่ ๒
- นัยที่ ๒ เจตสิก ๓๔ ดวง คือ อัญญสมานาเจตสิก ๑๓, โสภณเจตสิก ๒๑ (เว้นวิรตีเจตสิก ๓, ปัญญาเจตสิก ๑) ที่ประกอบในมหากิริยาจิตดวงที่ ๓ กับดวงที่ ๔
- นัยที่ ๓ เจตสิก ๓๔ ดวง คือ อัญญสมานาเจตสิก ๑๒, (เว้นปีติเจตสิก) โสภณเจตสิก ๒๒ (เว้นวิรตีเจตสิก ๓) ที่ประกอบในมหากิริยาจิตดวงที่ ๕ กับดวงที่ ๖
- นัยที่ ๔ เจตสิก ๓๓ ดวง คือ อัญญสมานาเจตสิก ๑๒ (เว้นปีติเจตสิก) โสภณเจตสิก ๒๑ (เว้นวิรตีเจตสิก ๓, ปัญญาเจตสิก ๑) ที่ประกอบในมหากิริยาจิตดวงที่ ๗ กับดวงที่ ๔

๓. สเหตุกกามาวจรวิบากจิต ๔ มีสังคหะ ๔ นัยคือ :-

- นัยที่ ๑ เจตสิก ๓๓ ดวง คือ อัญญสมานาเจตสิก ๑๓, โสภณเจตสิก ๒๐ (เว้นวิรตีเจตสิก ๓, อัปปมัญญาเจตสิก ๒) ที่ประกอบในมหาวิบากจิตดวงที่ ๑ กับดวงที่ ๒
- นัยที่ ๒ เจตสิก ๓๒ ดวง คือ อัญญสมานาเจตสิก ๑๓, โสภณเจตสิก ๑๙ (เว้นวิรตีเจตสิก ๓, อัปปมัญญาเจตสิก ๒, ปัญญาเจตสิก ๑) ที่ประกอบในมหาวิบากจิตดวงที่ ๓ กับดวงที่ ๔
- นัยที่ ๓ เจตสิก ๓๒ ดวง คือ อัญญสมานาเจตสิก ๑๒, (เว้นปีติเจตสิก โสภณเจตสิก ๒๐ (เว้นวิรตีเจตสิก ๓, อัปปมัญญาเจตสิก ๒) ที่ประกอบในมหาวิบากจิตดวงที่ ๕ กับดวงที่ ๖
- นัยที่ ๔ เจตสิก ๓๑ ดวง คือ อัญญสมานาเจตสิก ๑๒ (เว้นปีติเจตสิก) โสภณสาธารณเจตสิก ๑๙ (เว้นวิรตีเจตสิก ๓, อัปปมัญญาเจตสิก ๒, ปัญญาเจตสิก ๑) ที่ประกอบในมหาวิบากจิตดวงที่ ๗ กับดวงที่ ๘ รวมสังคหนัยแห่งกามาวจรจิตมี ๑๒ นัย


โสภณเจตสิกที่ไม่ประกอบกับโสภณจิตบางดวง

ในโสภณเจตสิก ๒๕ ดวงนั้น มีเจตสิกบางดวงที่ไม่อาจเข้าประกอบกับโสภณจิตบางประเภทได้ ดังคาถาสังคหะคือ :-

คาถาสังคหะ
น วิชฺชนฺเตตฺถ วิรตี   กฺริเยสุ จ มหคฺคเต
อนุตฺตเร อปฺปมญฺญา   กามปาเก ทฺวยํ ตถา ฯ

แปลความว่า ในจำนวนโสภณจิต ๕๙ หรือ ๙๑ ดวงนั้น
มหากิริยาจิต และ มหัคคตจิต วิรตีเจตสิก ย่อมไม่ประกอบ
โลกุตตรจิต อัปปมัญญาเจตสิก ย่อมไม่ประกอบ
มหาวิบากจิต ทั้งวิรตีเจตสิก และ อัปปมัญญาเจตสิก ย่อมไม่ประกอบ

อธิบาย ในมหากิริยาจิต ๔ วิรตีเจตสิก ๓ ย่อมไม่ประกอบเลยเพราะมหากิริยาจิตเป็นจิตของพระอรหันต์ ที่ปราศจากบาปธรรมทั้งปวงแล้วจึงไม่มีกิจที่จะต้องพึงเว้นจากบาปธรรมใดๆ อีก วิรตีเจตสิกซึ่งเป็นเจตสิกที่ทำหน้าที่เว้นจากบาปธรรมทั้งกาย วาจา และอาชีพ จึงไม่ประกอบกับมหากิริยาจิต

ในมหัคคตจิต ๒๗ วิรตีเจตสิก ๓ ย่อมไม่ประกอบ เพราะมหัคคตจิตมีบัญญัติและอดีตปรมัตถ์เป็นอารมณ์กรรมฐาน ไม่ใช่มีวิรมิตัพพวัตถุเป็นอารมณ์

ในโลกุตตรจิต ๔ หรือ ๔๐ นั้น ไม่มีอัปปมัญญาเจตสิก ๒ เข้าประกอบเพราะอัปปมัญญาเจตสิก ต้องมีสัตว์เป็นอารมณ์ แต่โลกุตตรจิตนั้นมีนิพพานเป็นอารมณ์อย่างเดียว

ในมหาวิบากจิต ๘ ทั้งวิรตีเจตสิก ๓ และอัปปมัญญาเจตสิก ๒ ไม่ประกอบด้วยเลย เพราะในมหาวิบากเป็นผลของมหากุศลที่สุกแล้ว ไม่ยังวิญญัติให้เกิดคือ จะกระทำกิจเว้นหรือหามาเพิ่มเติมอีกไม่ได้ มีสภาพเป็นผลหรือเงาของกรรมเท่านั้น กรรมเป็นอย่างไร วิบากของกรรมก็ยังเป็นเงาไปฉะนั้นและไม่ได้กระทำสัตว์บัญญัติให้เป็นอารมณ์ไม่มีธรรม ๕ ประการนี้ประกอบด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น